ข้อแนะนำในการศึกษาประวัติศาสตร์ย้อนยุค
ท่านจะต้องทำความเข้าใจกับรูปแบบการปกครอง,ตำแหน่งกษัตริย์,ชนชาติอ้ายไท,อาณาจักรหนันเจ้า,อาณาจักรสุวรรณภิมูและสภาพภูมิประเทศในยุคโบราณกาลที่มีความแตกต่างกับสมัยปัจจุบันมาก สิ่งเหล่านี้สามารถกำหนดบทบาทของอาณาจักรในยุคนั้น
๑.การจัดรูปแบบการปกครอง ปกครองแบบสหราชอาณาจักร
-สหราชอาณาจักร
-อาณาจักร
-แคว้น
-เมือง
การปกครองของชนชาติอ้ายไทในสมัยสหราชอาณาจักรเทียนถึงสหราชอาณาศรีโพธิ์(ศรีวิชัย) ยึดถือตามแบบอินเดีย มีเปลี่ยนแปลงเมืองนครหลวงบ่อยตามชื่อเมืองหรือชื่ออาณาจักรที่กษัตริย์นั้น ขึ้นดำรงตำแหน่ง มหาจักรพรรดิ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบของจีนที่เราคุ้นเคยที่ปกครองในรูปแบบ ”มหาอาณาจักร”ที่ไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงเมืองนครหลวง
๒.ตำแหน่งกษัตริย์ในรัฐไทยโบราณ
-มหาจักรพรรดิ เป็นผู้ปกครองสูงสุดในสหราชอาณาจักรและมีกองทัพขึ้นต่อมหาจักรพรรดิโดยตรง มี นายก หรือ สหราชนายก ช่วยเหลือราชการแผ่นดินของมหาจักรพรรดิ
-จักรพรรดิ ทำหน้าที่ควบคุมกองทัพประจำการ ถือเป็นกองทหารหลักทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งการออกศึกสงครามรักษาดินแดน ปราบปรามผู้รุกรานแทนมหาจักรพรรดิ
-มหาราชา ปกครองแว่นแคว้นอาณาจักรอีกทอดหนึ่ง โดยมีมหาอุปราช ช่วยงานมหาราชาอีก
-ราชา ปกครองเมืองหรือแว่นแคว้น
นอกจากนี้แล้วในระบอบการปกครองยังมีสภาปุโรหิต ดูแลงานพิธีการต่างๆ,
สภาองคมนตรีเป็นที่ปรึกษา, สมุหกลาโหม สมุหนายก คอยช่วยงานในแต่ละอาณาจักร
เมืองนครหลวงหรือศูนย์กลางอำนาจของรัฐ จะไม่อยู่คงที่จะย้ายไปตามอาณาจักร,แว่นแคว้นหรือเมืองที่กษัตริย์นั้นๆขึ้นเป็น “มหาจักรพรรดิ”ชื่อเมืองหลวงก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งยากที่จะเข้าใจ เพราะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับที่เราเรียนรู้มา
นอกจากนี้ยังมีกฏมณเฑียรบาลในการขึ้นดำรงค์ตำแหน่งสำคัญ เช่นนายกหรือสหราชนายก,จักรพรรดิและมหาจักรพรรดิ ของรัฐไทยโบราณนั้น จะต้องเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจาก ราชวงศ์ขอม-ไตเท่านั้น(ราชวงศ์โคตมะ-ราชวงศ์ที่มีเชื้อสายอ้ายไต)และต้องนับถือศาสนาพุทธ เมื่อพระชนม์อายุครบ ๘๐ ชันษาหรือสุขภาพไม่แข็งแรงจะต้องสละราชสมบัติ.โดยผ่านการพิจารณาของสภาองคมนตรี ซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยมหาจักรพรรดิท้าวกุเวร กรุงพรหมทัศน์ สหราชอาณาจักรเทียน(แถนก๊ก) พ.ศ.๒๙๗ จนถึง พ.ศ.๑,๑๖๕ สมัยจักรพรรดิท้าวอุเทน กรุงธารา (เขาดอก) สหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ระยะเวลา ๘๗๐ ปี จึงได้แก้ไขกฎมนเทียรบาลนี้ให้เหมาะกับกาลสมัย โดยยอมให้เชื้อสายราชวงศ์อ้ายไตที่มีเชื้อสายอื่นปะปน เช่น ราชวงศ์มอญและทมิฬ เป็นต้น แต่ทั้งนี้จะต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองก่อน
๓.สภาพภูมิประเทศ ใน ๒๕๐๐ ปีที่ผ่านมา
เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศในอาณาจักรของรัฐไทยโบราณเช่นกัน เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยมีฤดูกาลและภัยทางธรรมชาติเป็นตัวผลักให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น มีทั้งแผ่นดินที่งอกออกมาและแผ่นดินที่หายไป เช่น กรณีของช่องแคบพรหมทัศน์หรือโพธิ์นารายณ์ อยู่ในแคว้นสุธรรม(อ.ทุ่งส่ง จ.นครศรีธรรมราช)รัฐนาคน้ำ อาณาจักรสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นฝั่งทะเลด้านตะวันออกเชื่อมต่อกับฝังทะเลด้านตะวันตกที่ อ.กันตัง จ.ตรัง ก็แสดงว่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งของอาณาจักรสุวรรณภูมิเป็นเกาะที่มีพื้นจากนครศรีฯถึงแหลมมาลายู และในพระไตรปิฎก ได้กล่าวถึงเกาะสุวรรณภูมินี้ด้วย ทำให้เราเข้าใจปัญหาที่ยากที่จะหาเหตุผลมาอ้างอิงถึงความมีอยู่จริงของอาณาจักรสุวรรณภูมิในดินแดนภาคใต้ของไทย จากลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะทำให้เห็นว่ารัฐไทยโบราณ ในขณะนั้นสามารถควบคุมช่องแคบทั้งสองได้อย่างมีประสิทธิผลทั้งด้านการค้าและเป็นชัยภูมิด้านยุทธศาสตร์ ทำให้เกิดความมั่งคั่งและมั่นคงขึ้นมาในอาณาจักรสุวรรณภูมิ,สหราชอาณาจักรเทียน,สหราชอาณาจักรเทียนสนและสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ยังบอกไม่ได้ว่าช่องแคบพรหมทัศน์หรือช่องแคบโพธิ์นารายณ์ ตื้นเขินจนใช้การไม่ได้ในสมัยใด อาจจะเป็นช่วงตอนปลายของสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ราวๆพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๒ ก็อาจเป็นได้เพราะไม่ได้กล่าวถึงช่องแคบนี้อีกเลย.
เรื่องเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ไม่ยากว่าช่องแคบนี้มีจริงหรือไม่ ประเทศไทยเราเคยคิดจะขุดช่องแคบนี้ใหม่ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๕ แต่ในยุคล่าเมืองขึ้นของตะวันตกเราไม่อาจจะขัดผลประโยชน์ทางการค้าและการทหารได้ ซึ่งประเทศตะวันตกครอบครองเมืองท่าที่ช่องแคบมะละกาและมาลายู และในหลายรัฐบาลคิดจะทำใหม่ในรัชกาลปัจจุบันตั้งรัฐบาลเผด็จการมาจนถึงรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งก็ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ อย่างเป็นรูปธรรมเพราะสังคมเราถูกครอบงำด้วยประวัติศาสตร์ที่ชาวตะวันตกเขียนขึ้นโดยปกปิดไม่ให้รู้ถึงบรรพษุรุษและอาณาจักรอาณาเขตของรัฐไทยโบราณที่แท้จริง
๔. ศึกษาชนชาติอ้ายไตในอาณาจักรหนันเจ้าและอาณาจักรในอุษาคเนย์ไปพร้อมๆกัน
การศึกษาเพื่อที่จะทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ไทยยุคโบราณนั้น จะต้องทำความเข้าใจและศึกษาชนชาติอ้ายไต ในอาณาจักรหนันเจ้าและอาณาจักรสุวรรณภูมิหรือสหราชอาณาจักรเทียนหรือเทียนสุนหรือคีรีรัฐ ในดินแดนอุษาคเนย์ ไปพร้อมๆกัน เพราะมีความเกี่ยวข้องกัน,สัมพันธ์กันและกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาเป็นเวลาช้านานร่วม ๒๐๐๐ ปี เช่น เมื่อถูกจีนรุกทางอาณาจักรหนันเจ้าก็จะขอความช่วยมายังอาณาจักรเทียน,เทียนสุน หรือ คีรีรัฐ ตามยุคตามสมัยลำดับ ก็จะมีการส่งกำลังพลกองทัพบก,กองทัพเรือ ซึ่งบัญชาการรบโดยมหาจักรพรรดิหรือจักรพรรดิ เข้าร่วมรบเพื่อทำสงครามขับไล่จีน แว่นแคว้นไหนที่ถูกจีนยึดครองก็จะมีการอพยพของประชาชนและราชวงศ์มาสร้างบ้านแปลงใหม่ในดินแดนสุวรรณภูมิในอุษาคเนย์เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนอาณาจักรหนันเจ้าถูกจีนทำลายอย่างเบ็ดเสร็จ ในเวลาต่อมา