ย้อนประวัติศาสตร์ ๕๐๐๐ ปี นอกพงศาวดารไทย:สหราชอาณาจักรเทียน
ความเป็นไปใน พ.ศ.๕๙๕-๖๙๓
ตอนที่ ๒๖
สมรภูมิทุ่งพระยาชนช้าง พ.ศ.๖๙๑
จากตำนานเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้ามังเคร กษัตริย์เชื้อสายชนชาติกลิงค์ จากหมู่เกาะพระกฤต (ชวา) ที่เข้ายึดครอง แคว้นกลิงค์มอญ แห่ง อาณาจักรชวาทวีป แล้วจับพระเจ้ามอญ ทำการสำเร็จโทษ ประกาศตั้งตนเป็นผู้ปกครองคนใหม่ ไม่ขอขึ้นต่ออำนาจรัฐของสหราชอาณาจักรเทียนสน ทำการเปลี่ยนชื่อแคว้นกลิงค์มอญเสียใหม่ เรียกให้เป็นประเทศกลิงค์รัฐ ซึ่งจากการตรวจสอบของเสนีย์อนุสิต ถาวรเศรษฐ เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณ พ.ศ.๖๗๘-๖๗๙
พระเจ้ามังเครเป็นโอรสของกษัตริย์ชนชาติกลิงค์จากดินแดนหมู่เกาะพระกฤต อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมอญ แห่งแคว้นกลิงค์มอญ (คันธุลี) และมีพระราชธิดาที่สำคัญพระองค์หนึ่ง คือ เจ้าหญิงอิสาน ซึ่งจะกลายเป็นอีกตัวละครที่จะมีบทบาทกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ช่วงต่อไป
พระเจ้ามังเคร เคยมีประสบการณ์ในงานค้าขายด้วยฐานะพ่อค้าคนกลาง แล่นสำเภาค้าขายอยู่ระหว่างจีน-อินเดีย จึงมีความสัมพันธ์กับฝ่ายจีนเป็นอย่างดี ได้รับการติดต่อยุยงวางแผนจากจีนให้เข้ายึดแย่งราชสมบัติไปจากกษัตริย์ของแคว้นกลิงค์มอญโดยอ้างสิทธิ์ในฐานะเป็นราชบุตรเขย ..เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานั้น ทางศูนย์กลางอำนาจรัฐของสหราชอาณาจักรเทียนสน คงเข้าใจในตอนแรก ๆ ว่าเป็น เพียงเรื่องความขัดแย้งภายในระหว่างพ่อตากับลูกเขย คือได้พิจารณาสถานการณ์ไปดังนั้น แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกับกองทัพของชนชาติทมิฬ เข้ามายึดครองดินแดนสุวรณภูมิทางฝังทะเลตะวันตก จัดตั้งเป็นรัฐเวียตบกขึ้นมา
ต่อมาเรื่องจริงก็ได้เปิดเผยตัวเอง เข้าใจชัดแจ้งขึ้นว่าพฤติกรรมของพระเจ้ามังเครนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจากมหาอาณาจักรจีน เพื่อกดดันให้ฝ่ายสหราชอาณาจักรเทียนสนได้ถอนตัวเองไปจากการสนับสนุนกองทัพโพกเหลืองในอดีตดินแดนของสหราชอาณาจักรหนันเจ้า ซึ่งทางจีนได้ยึดครองเอาไว้
ความชัดเจนที่ว่านั้น เกิดขึ้นมาเมื่อพระเจ้ามังเคร ได้ยกกองทัพเข้าไปยึดครองแคว้นรามัญ (ระนอง) ซึ่งเป็นแว่นแคว้นของเชื้อสายเผ่าพันธุ์ระหว่างชนชาติมอญผสมทมิฬ มีความเป็นมาในอดีตก่อนหน้านั้น แต่เป็นแว่นแคว้นที่ยอมอยู่ในอำนาจรัฐ ขึ้นต่อระบบการปกครองของสหราชอาณาจักรเทียนสน
พระเจ้ามังเครยึดครองแว่นแคว้นรามัญได้สำเร็จ ก็ไม่ได้หยุดยั้งลงเพียงเท่านั้น ส่งทัพเรือของตัวเองเข้ายึดครองแคว้นกลิงค์พัง (กระบี่) เป็นเป้าหมายต่อ ไป กะจะเอาเป็นเมืองท่าสำคัญทางฝั่งทะเลตะวันตก สร้างเป็นท่าเรือค้าขายของชนชาติกลิงค์ ...เหตุการณ์ตรงนี้เป็นผลทำให้กองทัพของอาณาจักรตาโกลา (ตรัง) ต้องเข้าทำสงครามขับไล่ สกัดความกำแหงหาญของพระเจ้ามังเคร เหตุการณ์สำหรับ ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะเดียวกับการเข้าทำสงครามกวาดล้างรัฐเวียตบก แต่ทัพของตาโกลาคงทำหน้าที่เอาไว้เพียงตรึงสถานการณ์ มิให้ลุกลามขยายตัวไปมากกว่านั้น การเผด็จศึกขั้นตอนสุดท้ายยังกระทำมิได้ กลิงค์รัฐไม่ได้ถูกปราบปรามให้แตกหักซึ่งเข้าใจว่าสหราชอาณาจักรเทียนสนในระยะ พ.ศ.๖๗๘-๖๗๙ ต้องรับสถานการณ์ สงครามในหลาย ๆ ด้าน ทำให้ไม่พร้อมที่จะทุ่มกำลังเข้าไปบดขยี้พระเจ้ามังเคร
ก่อนที่จะเริ่มต้นเผด็จศึกความกำแหงของประเทศกลิงค์รัฐ มหาจักรพรรดิเจ้าชินราช ใช้แผนการปรองดองประนีประนอม จัดส่งคณะราชทูตเข้าไปเจรจาโดยสันติ ขอให้พระเจ้ามังเครยอมจำนน สวามิภักดิ์ต่อสหราชอาณาจักรเทียนสน แต่กษัตริย์มังเครกลับท้าทายเย้ยหยัน ขอให้สหราชอาณาจักรเทียนสนได้เข้ามาทำสงครามกัน ณ ทุ่งพระยาชนช้าง
มหาจักรพรรดิเจ้าชินราชหยั่งรู้ชัดแน่นอนว่าสงครามจะต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงอะไรไม่ได้ พระองค์ตัดสินพระทัยออกบวช ไม่ต้องการที่จะมือเปื้อนโลหิตในช่วงพระชนมายุบั้นปลายของพระองค์ มหาจักรพรรดิท้าวชินศรี (ขุนเชน) รับช่วงพระราชภารกิจสืบสานต่อไป เดินเกมความสัมพันธ์ทางการทูต ไม่ว่าจะเป็นกับจีน หรือกับฝ่ายรัฐของชนชาติกลิงค์ในหมู่เกาะพระกฤต เจรจาอย่างลับ ๆ กับ ชนชาติกลิงค์เหล่านั้น ขอไม่ให้สนับสนุนพระเจ้ามังเคร แห่งกลิงค์รัฐ (ประเทศกลิงค์รัฐ) ... นื้เป็นการเดินเกมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวของสงคราม
ยังมีพื้นฐานอยู่อีกประการหนึ่งของรัฐชวาทวีป แม้ผู้คนส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพราหมณ์ ลัทธิบูชาพระกฤษณะ แต่ในแว่นแคว้นกลิงค์รัฐนั้น ยังมีภูเขาที่เรียกชื่อว่าภูเขาภิกษุ หรือต่อมาก็เปลี่ยนเรียกให้เป็นภูเขาชวาลา บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งสำนักสงฆ์แห่งแรกในดินแดนสุวรรณภูมิ มีกิจกรรมเผยแพร่พระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
มหาราชาขุนเทียน แห่งรัฐชวาทวีป ก็ยังเคยส่งพระภิกษุสงฆ์ เข้าไปจำศีลภาวนาอยู่ในสำนักสงฆ์ภูเขาภิกษุ ซึ่งรอบบริเวณนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของพวกชนพื้นเมืองมิลักขุ หรือพวกแขกดำพื้นเมืองเผ่าชวากะหรือ "เผ่าชวา" คนพวกนี้ ได้ตั้งรกรากของตนมานานแล้วแต่ดั้งเดิม ขยายเผ่าพันธุ์และชุมชนออกไปกว้างขวาง หันเข้ามานับถือศาสนาพุทธ ทวีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนั้นยังกล่าวได้ว่า กลุ่มคนดังกล่าวนี้เป็นฐานมวลชนของขุนเทียนโดยตรง เป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับทางการมาตลอด ...กระทั่งเมื่อพระเจ้ามังเคร ยึดครองอำนาจรัฐได้ก่อตั้งเป็นประเทศกลิงค์รัฐ ก็ได้พยายามกดดันขับไล่ภิกษุในสำนักสงฆ์ภูเขาชวาลาออกไป เป็นความพยายามกลั่นแกล้งกระทำเช่นนั้นหลาย ๆ ครั้ง แต่คงไม่ประสบผลสำเร็จอะไร เพราะบรรดาภิกษุสงฆ์เหล่านั้นไม่ยินยอม ไม่ยอมล่าถอยออกไป แม้จะถูกขับไล่อย่างไรก็ตาม? ประกอบกับสำนักสงฆ์ภูเขาชวาลา ยังได้รับการโอบอุ้มจากชุมชนของชาวเผ่าชวา รอบบริเวณนั้น เป็นไปด้วยความมั่นคงและเหนียวแน่น ส่งผลให้พวกกลิงค์มิอาจกระทำอะไรได้ถนัดมากนัก!
สหราชอาณาจักรเทียนสนพยายามเดินเกมไม้นวมกับพระเจ้ามังเครหลาย ๆ ครั้ง รวมทั้งขุนเทียนก็มีความพยายามครั้งสุดท้าย จัดส่งคณะราชทูตไปเข้าเฝ้าต่อพระเจ้ามังเคร แต่กษัตริย์ชนชาติกลิงค์คงตอบพระราชสาส์นของขุนเทียนกลับมาด้วยความท้าทาย
"...ถ้าต้องการให้กลิงค์รัฐเป็นรัฐในปกครองของสหราชอาณาจักรเทียนสน ก็ขอให้ส่งกองทัพช้างเข้ามาทำสงครามแข่งขันกัน ณ ทุ่งพระยาชนช้าง ถ้ามหาราชาขุนเทียน สามารถเอาชัยชนะได้ ก็จะยินยอมนำกลิงค์รัฐไปขึ้นต่อการปกครองของสหราชอาณาจักรเทียนสน..."
นี้จึงกลายเป็นเหตุผลในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้ขุนเทียนจำตอบพระราชสาส์นรับคำท้าทาย ทำให้เกิดสงครามที่เรียกว่าสงครามทุ่งพระยาชนช้างครั้ง ที่ ๑ ขึ้นมา หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า "สงคราม ๓๘ เปื้อน"
ในงานค้นคว้าตำนานพื้นบ้านทุ่งพระยาชนช้างของเสนีย์อนุชิต ถาวรเศรษฐ เกี่ยวกับท้องที่ตำบลคันธุลี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เล่าเอาไว้ถึง "สงคราม ๓๘ เปื้อน" สรุปเป็นเนื้อหาสาระคือ ขุนเทียนได้วางแผนการยุทธ์ที่มีความลึกซึ้งละเอียดอ่อน ให้กองทัพช้างทั้งของแคว้นพนมสายรุ้ง, แคว้นโพธิสาร, แคว้นโกสมพี และแคว้นพันธุสาร (หลังสวน) ทำการปลอมแปลงเป็นกองทัพช้างของฝ่ายกลิงค์รัฐ จากนั้นนำลงเรือสำเภาไปซุ่มซ่อนเอาไว้ ขณะเดียวยังมีการนำชนพื้นเมืองเผ่าชวาที่เป็นไพร่พลของอาณาจักรชวาทวีป ปลอมตัวเป็นทหารของข้าศึก ...แล้วยังมีการสร้างข่าวลวงต่าง ๆ ให้เมืองในสังกัดเครือข่ายแคว้นรามัญ ซึ่งอยู่ในอาณัติของฝ่ายพระเจ้ามังเคร ได้ส่งกองทัพช้างเข้าไปร่วมทำสงครามให้น้อยที่สุดเป็นภาพลวงตัดกำลัง
แล้วได้แฝงตัวกองพลทหารแม่นธนูเอาไว้เป็นจำนวนมากตามบริเวณ ต่าง ๆ ของภูเขาคันธุลี ...ด้วยแผนการยุทธ์เช่นนี้ของขุนเทียน หลอกล่อให้ข้าศึกจำหลบหนีไปรวมตัว ณ ทุ่งชวา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาคันธุลี
ในที่สุดการทำสงครามในทุ่งพระยาชนช้างได้เกิดขั้น กองทัพช้างของ พระเจ้ามังเครถูกต้อนเข้าไปรวมกลุ่มในทุ่งชวา เป็นไปตามแผนการที่กำหนด พลแม่นธนูจึงระดมสาดลูกศรอาบยาพิษเข้าใส่กองทัพช้าง ทั้งไพร่พลของพระเจ้ามังเคร บาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ส่วนพระองค์เองก็สิ้นพระชนม์อยู่ในสนามรบ ...กลิงค์รัฐและแคว้นรามัญรวมทั้งแคว้นกลิงค์พัง กลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง...